วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์

  1. 1. Krusine_com ÿ การสื่อสารข้อมูล และ เครือข่ายคอมพิวเตอร์
  2. 2. ความหมายของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ การสื่อสารข้อมูล (Data Communications) หมายถึง การแลกเปลี่ยน โอนย้ายข้อมูล และสารสนเทศจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง โดยผ่านทางอุปกรณ์ สื่อสารและรูปแบบวิธีของการสื่อสารข้อมูลชนิดต่างๆ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) หมายถึง การนาเครื่อง คอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปเชื่อมต่อกัน โดยใช้อุปกรณ์การสื่อสาร
  3. 3. องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล 1. ผู้ส่งข้อมูล (Sender) หมายถึง อุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ส่งข้อมูลไปยัง จุดหมายที่ต้องการ 2. ผู้รับข้อมูล (Receiver) หมายถึง อุปกรณ์ที่ทาหน้าที่รับข้อมูลที่ถูกส่ง มาจากผู้ส่งข้อมูล 3. ข้อมูล (Data) หมายถึง สิ่งที่ผู้ส่งต้องการส่งไปยังผู้รับอาจจะอยู่ใน รูปแบบของข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และอื่นๆ 4. สื่อนาข้อมูล (Medium) หมายถึง สิ่งที่ทาหน้าที่เป็นตัวกลางในการขน ถ่ายข้อมูลจากผู้ส่งไปยังผู้รับ เช่น สายเคเบิล สายใยแก้วนาแสง คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ เป็นต้น
  4. 4. องค์ประกอบของการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) 5. โพรโทคอล (Protocol) หมายถึง กฎเกณฑ์หรือวิธีที่ถูกกาหนดขึ้น เพื่อการสื่อสารข้อมูล ซึ่งทั้งผู้ส่งและผู้รับต้องตกลงกันไว้ก่อน
  5. 5. ชนิดของสัญญาณข้อมูล 1. สัญญาณแอนะล็อก (Analog Signal) เป็นสัญญาณแบบต่อเนื่องมี ลักษณะเป็นคลื่นไซน์ (sine wave) โดยแต่ละคลื่นจะมีความถี่และความเข้ม ของสัญญาณที่ต่างกัน เช่น สัญญาณเสียงในการพูดคุยผ่านระบบโทรศัพท์ 2. สัญญาณดิจิทัล (Digital Signal) เป็นสัญญาณแบบไม่ต่อเนื่องเป็น สัญญาณที่ใช้แทนข้อมูลในคอมพิวเตอร์อยู่ในรูปของเลขฐานสอง คือ 0 และ 1
  6. 6. ทิศทางของการสื่อสารข้อมูล ทิศทางของการสื่อสารข้อมูล หมายถึง ทิศทางของสัญญาณที่เดินทางจาก อุปกรณ์ส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์รับข้อมูลโดยผ่านสื่อนาข้อมูล ทิศทางของการ สื่อสารข้อมูลแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้  แบบทิศทางเดียว (Simplex)  แบบกึ่งสองทิศทาง (Half duplex)  แบบสองทิศทาง (Full duplex)
  7. 7. ทิศทางของการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) 1. แบบทิศทางเดียว (Simplex) ข้อมูลจะถูกส่งไปในทางเดียวเท่านั้น เช่น การกระจายเสียงของสถานีวิทยุ การเผยแพร่ภาพและรายการต่างๆ ของ สถานีโทรทัศน์ เป็นต้น 2. แบบกึ่งสองทิศทาง (Half duplex) เป็นรูปแบบการสื่อสารที่ทั้งสอง ฝ่ายสามารถส่งข้อมูลสวนทางกันได้แต่ต้องสลับกันส่ง เช่น วิทยุสื่อสารของ ตารวจ
  8. 8. ทิศทางของการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) 3. แบบสองทิศทาง (Full duplex) สามารถส่งข้อมูลสวนทางกันได้ตลอด ในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น การพูดโทรศัพท์ โดยที่คู่สนทนาสามารถพูดคุย โต้ตอบกันได้ ไม่ต้องกดสวิตช์เพื่อเปลี่ยนสถานะก่อนที่จะสื่อสาร
  9. 9. สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล ทาหน้าที่เป็นตัวกลางในการนาข้อมูลใน รูปแบบของสัญญาณไฟฟ้าจากผู้ส่งไปยังผู้รับข้อมูล สามารถแบ่งสื่อกลาง ออกเป็น 2 ประเภท คือ สื่อนาข้อมูลแบบมีสาย (Wired Media) และสื่อนา ข้อมูลแบบไร้สาย (Wireless Media) สื่อนาข้อมูลแบบมีสาย (Wired Media) ที่นิยมใช้มี 3 ชนิด ได้แก่ >> สายคู่บิดเกลียว (twisted-pair cable : UTP,STP) >> สายโคแอกเซียล (coaxial cable) >> สายใยแก้วนาแสง (optical fiber cable)
  10. 10. สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) สายคู่บิดเกลียว (twisted-pair cable : UTP,STP) สายคู่บิดเกลียวที่พบเห็นโดยทั่วไป คือ สายโทรศัพท์ มีฉนวนหุ้มจับคู่พันเป็น เกลียวเพื่อลดสัญญาณรบกวน ประกอบด้วยสายทองแดง 2 เส้น สายคู่ตีเกลียว 1 คู่ จะแทนการสื่อสารได้ 1 ช่องทางสื่อสาร (Channel) “สายคู่บิดเกลียวที่ใช้กับคอมพิวเตอร์เป็นสายทองแดง 8 เส้น 4 คู่ และ เชื่อมต่อด้วยคอนเน็กเตอร์ RJ-45” สายคู่บิดเกลียวแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1. สายคู่บิดเกลียวไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) 2. สายคู่บิดเกลียวแบบมีฉนวนหุ้ม (Shielded Twisted pair : STP)
  11. 11. สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) 1. สายคู่บิดเกลียวไม่หุ้มฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) สายแบบ UTP เป็นสายที่มีราคาถูกและหาง่ายแต่ป้องกันสัญญาณรบกวนจาก อานาจแม่เหล็กได้ไม่ดีเท่าสายแบบ STP 2. สายคู่บิดเกลียวแบบมีฉนวนหุ้ม (Shielded Twisted pair : STP) สายแบบ STP เป็นสายแบบมีฉนวนป้องกัน (ฉนวนโลหะ) สัญญาณรบกวน ที่มีความถี่สูงได้ ราคาจะแพงกว่าสาย UTP มาก สามารถเดินสายได้ยาวกว่า สาย UTP
  12. 12. สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) สายโคแอกเซียล (coaxial cable) ประกอบด้วยแกนทองแดงหุ้มด้วย ฉนวน ภายนอกฉนวนจะถูกหุ้มด้วยโลหะอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันสนามไฟฟ้า รบกวนจากภายนอกและสายดิน (ลักษณะเป็นฝอย) แล้วหุ้มด้วยฉนวนบางอีก หนึ่งชั้น สายโคแอกเซียลสามารถรองรับความเร็วสูงสุดในการรับ-ส่งข้อมูลที่ 10 Mbps สายนาสัญญาณแบบนี้จะใช้ Connector เฉพาะในการเชื่อมต่อกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ และจุดต่างๆ ภายในเครือข่าย ปัจจุบันได้เปลี่ยนสายดินจากลวดทองแดง เป็นลวดเงินทั้งนี้เพื่อป้องกันอาการรบกวน ที่เกิดจากสายสัญญาณข้างเคียง
  13. 13. สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) สายใยแก้วนาแสง (optical fiber cable) เป็นสายนาสัญญาณที่ใช้ รูปแบบของแสงในการรับ-ส่งข้อมูล อุปกรณ์ทั้งสองตัวมีหน้าที่แปลงสัญญาณ แสงให้เป็นสัญญาณที่เครื่องคอมพิวเตอร์รู้จัก (ดิจิตอล) สายใยแก้วนาแสงมี ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลที่เร็วที่สุด เมื่อเทียบกับสายนาสัญญาณชนิดอื่น รองรับความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลสูงถึง 565-1300 Mbps
  14. 14. สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) ข้อดี 1. ทนทานต่อคลื่นรบกวนด้วยฉนวนชั้นนอก 2. สัญญาณคงที่ในการส่งข้อมูลแม้ในระยะทางไกลๆ ไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ เพิ่มสัญญาณหรือทวนสัญญาณ 3. มีความปลอดภัยของข้อมูลสูงกว่าสายเคเบิลชนิดอื่นๆ ข้อจากัด 1. มีราคาแพงเนื่องจากต้นทุนการผลิตสูง 2. มีความยุ่งยากในการติดตั้ง และการบารุงรักษา
  15. 15. สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) สื่อนาข้อมูลแบบไร้สาย (Wireless Media) สามารถส่งข้อมูลได้ทุกทิศทุก ทาง โดยมีอากาศเป็นตัวกลางในการสื่อสาร ซึ่งสื่อนาข้อมูลแบบไร้สายจะ ประกอบด้วย คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ แสงอินฟราเรด การสื่อสารผ่านดาวเทียม เป็นต้น 1. คลื่นวิทยุ เป็นสื่อกลางที่ใช้ส่งสัญญาณไปในอากาศ โดยสามารถส่งใน ในระยะทางได้ทั้งใกล้และไกล 2. ไมโครเวฟ เป็นสื่อกลางชนิดหนึ่งที่มีความถี่สูงระดับ GHz เป็นคลื่น เส้นตรงในระดับสายตา ต้องมีจานรับส่งตามยอดตึก/เขา เพื่อส่งต่อสัญญาณมีความเร็วสูงสามารถติดตั้งได้ง่าย และประหยัด สภาวะอากาศมีผลต่อสัญญาณ ** สัญญาณไมโครเวฟมีข้อจากัดในเรื่องของระยะทาง
  16. 16. สื่อกลางในการสื่อสารข้อมูล (ต่อ) 3. แสงอินฟราเรด เป็นสื่อกลางที่ใช้ในการส่งข้อมูลระยะใกล้ๆ เช่น remote control วิทยุ/ทีวี มีความถี่สั้น และช่องทาง สื่อสารน้อย มีความเร็วประมาณ 4-16 Mbps ทะลุผ่านวัตถุไม่ได้ ต้องวางแนวเส้นตรงไม่เกิน 1-2 เมตร 4. การสื่อสารผ่านดาวเทียม มีสถานีภาคพื้นดินทาหน้าที่ส่งสัญญาณไปยัง ดาวเทียม และดาวเทียมก็จะทาหน้าที่เป็นสถานีทวนสัญญาณก่อนที่จะส่ง สัญญาณข้อมูลต่อไปยังสถานีภาคพื้นดิน ที่ทาหน้าที่รับ สัญญาณ การสื่อสารผ่านดาวเทียมจะมีระยะทางใน การสื่อสารที่ไกลมาก นิยมใช้กับการสื่อสารระหว่าง ประเทศ เช่น การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกจากประเทศ เยอรมนีมายังประเทศไทย เป็นต้น
  17. 17. อุปกรณ์สาหรับเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย ระบบเครือข่ายที่ใช้เชื่อมต่อภายในหน่วยงาน หรือองค์กรต่างๆ อาจจะมี หลายเครือข่ายอยู่ภายในหน่วยงานเดียวกัน ระยะทางในการเชื่อมต่อเครือข่ายมี ระยะทางที่ไกล หรือเป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างอาคารต่างๆ และการเพิ่ม จานวนเครื่องคอมพิวเตอร์ภายในเครือข่าย ได้แก่ การ์ดเชื่อมโยงเครือข่าย, ฮับ/สวิตช์, เราท์เตอร์, โมเด็ม, Access Point, Wireless Card - ฮับ/สวิทซ์ (Hub/Switch) เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ เชื่อมต่อ คอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเข้าด้วยกัน และเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยในการกระจาย สัญญาณ โดยที่ฮับจะมีการแบ่งช่องสัญญาณตามจานวนผู้ใช้ แต่ Switch ไม่มี การแบ่ง ฮับ สวิทซ์
  18. 18. อุปกรณ์สาหรับเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย (ต่อ) >> การทางานของฮับ (Hub)
  19. 19. อุปกรณ์สาหรับเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย (ต่อ) ความแตกต่างของฮับ/สวิทซ์ (Hub/Switch) - Hub เป็นเพียงตัวขยายสัญญาณข้อมูล/จัดการสัญญาณที่ส่งมาจาก คอมพิวเตอร์และกระจายสัญญาณไปยังคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ - หากมีการส่งสัญญาณพร้อมๆกัน ความเร็วจะลดลง - ไม่เหมาะที่จะนามาใช้กับเครือข่ายขนาดใหญ่ >> Switch จะมีการทางานที่ซับซ้อนกว่า >> การรับ-ส่งข้อมูลจากพอร์ทหนึ่งของอุปกรณ์ไปยังพอร์ทปลายทางที่ เชื่อมอยู่กับอีกเครื่องที่ต้องการส่งข้อมูลเท่านั้น >> ส่งข้อมูลได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน >> เป็นที่นิยมใช้งานในระบบเครือข่ายมากกว่าฮับ
  20. 20. อุปกรณ์สาหรับเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย (ต่อ) - การ์ดเชื่อมโยงเครือข่าย (Network interface card) เป็นอุปกรณ์ที่ทา หน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับสายเคเบิลของเครือข่าย และควบคุมการ รับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์กับเครือข่ายบางครั้งเรียกว่า Lan Card USB การ์ดเครือข่ายไร้สาย การ์ดเชื่อมต่อเครือข่ายแบบใช้สาย การ์ดเชื่อมต่อ เครือข่ายแบบไร้สาย
  21. 21. อุปกรณ์สาหรับเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย (ต่อ) - เราท์เตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ เชื่อมต่อเครือข่ายแต่ละประเภทเข้าด้วยกันโดยค้นหา เส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งผ่านข้อมูล - โมเด็ม (Modem) เป็นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอลของ คอมพิวเตอร์ให้สามารถวิ่งบนสายโทรศัพท์ (สัญญาณอนาลอก) เพื่อทาการ ติดต่อสื่อสารได้มี 2 ชนิด คือแบบติดตั้งภายใน และแบบติดตั้งภายนอก โมเด็มแบบติดตั้ง ภายใน โมเด็มแบบ ติดตั้งภายนอก
  22. 22. อุปกรณ์สาหรับเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย (ต่อ) ลักษณะการเชื่อมต่อโมเด็ม
  23. 23. อุปกรณ์สาหรับเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย (ต่อ) - Access Point ใช้ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์กับระบบเครือข่าย แบบไร้สาย (wireless) Access Point หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า AP (เอ-พี) ซึ่งจะทาหน้าที่เป็นจุดกระจายและเชื่อมต่อสัญญาณไร้สาย เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้ สายทุกชนิด
  24. 24. อุปกรณ์สาหรับเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย (ต่อ) - Wireless Card ติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย แบบไร้สาย Wireless Desktop Network Card Wireless usb adapter Wireless Notebook Network Card
  25. 25. ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้ WAN (Wide Area Network) ระบบเครือข่ายระยะไกล MAN (Metropolitan Area Network) ระบบเครือข่ายระหว่างเมือง LAN (Local Area Network) ระบบเครือข่ายระยะใกล้
  26. 26. ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ต่อ) ระบบเครือข่ายระยะใกล้ : LAN (Local Area Network) เป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายขนาดเล็กในพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก เช่น ภายใน ห้อง หรือภายในตัวอาคาร จุดประสงค์ของการเชื่อมต่อ คือ แบ่งปันทรัพยากรที่มีอยู่อย่าง จากัด เช่น พรินเตอร์ สแกนเนอร์ รวมทั้งข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ รวมถึงอานวยความสะดวก ในการติดต่อสื่อสาร
  27. 27. ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ต่อ) ระบบเครือข่ายระหว่างเมือง : MAN (Metropolitan Area Network) เป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่า LAN มักเกิดจากการ เชื่อมโยงเครือข่าย LAN ในบริเวณเดียวกันเข้าด้วยกัน เช่น การเชื่อมต่อ ระบบระหว่างองค์กรกับองค์กร
  28. 28. ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ต่อ) ระบบเครือข่ายระยะไกล : WAN (Wide Area Network) เป็นเครือข่ายบริเวณกว้าง ซึ่งอาจมีขอบเขตการเชื่อมต่อที่กว้างไกลขึ้น จาก LAN และ MAN ซึ่งเมื่อเชื่อมต่อแล้วจะก่อให้เกิด เป็นระบบเครือข่ายใน ระดับจังหวัด ประเทศ หรือข้ามทวีปได้
  29. 29. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Network Topology) คือ การนาเอาคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเพื่อประโยชน์ของการสื่อสาร รูปแบบการจัดวางคอมพิวเตอร์ การเดินสายสัญญาณคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย รวมถึงหลักการไหลเวียนข้อมูลในเครือข่ายสามารถทาได้หลายรูปแบบ ซึ่งแต่ ละแบบก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเชื่อมต่อเครือข่ายมีอยู่ด้วยกันหลาย ลักษณะ แต่ลักษณะที่นิยมใช้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 4 ลักษณะ ได้แก่ 1. โครงสร้างเครือข่ายแบบบัส (Bus Topology) 2. โครงสร้างเครือข่ายแบบดาว (Star Topology) 3. โครงสร้างเครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology) 4. โครงสร้างเครือข่ายแบบเมซ (Mesh Topology)
  30. 30. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ต่อ) โครงสร้างเครือข่ายแบบบัส (Bus Topology) เป็นลักษณะของการนาเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อเป็นระบบเครือข่าย ด้วยสายเคเบิลยาวต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ โดยมีคอนเน็กเตอร์ในการเชื่อมต่อ โดยลักษณะของการส่งหรือรับข้อมูล จะเป็นการส่งข้อมูล ทีละเครื่องใน ช่วงเวลาหนึ่งๆ เท่านั้น จากนั้นเครื่องปลายทางก็จะส่งสัญญาณข้อมูลกลับมา >> ข้อดี เป็นโครงสร้างที่เชื่อมต่อง่าย ไม่ซับซ้อน ประหยัดสายสัญญาณ >> ข้อจากัด หากมีการส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์สองเครื่องพร้อมกันจะทาให้ ข้อมูลสูญหาย เนื่องจากการชน ของข้อมูล ต้องทาการส่งข้อมูลใหม่
  31. 31. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ต่อ) โครงสร้างเครือข่ายแบบดาว (Star Topology) เครือข่ายแบบดาว คือ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต่อกับอุปกรณ์ที่อยู่ ตรงกลาง HUB เพียงตัวเดียว เมื่อต้องการส่งข้อมูลจะต้องส่งผ่าน HUB ก่อนเป็นรูปแบบการต่อที่นิยมมากที่สุด >> ข้อดี ง่ายต่อการตรวจเช็คเมื่อคอมพิวเตอร์มี ปัญหาส่งข้อมูลไม่ได้ ลดปัญหาการชนของข้อมูล >> ข้อจากัด HUB เป็นตัวกลาง ของการส่งข้อมูล ถ้าเสียระบบก็ล่ม
  32. 32. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ต่อ) โครงสร้างเครือข่ายแบบวงแหวน (Ring Topology) เครือข่ายแบบวงแหวน คือ การต่อสายผ่านคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง เป็นวง การส่งข้อมูลจะส่งผ่านวงแหวนโดยผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง จนถึงเครื่องที่ร้องขอข้อมูล >> ข้อดี เครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย จะมีโอกาสในการส่งข้อมูลได้เท่าเทียมกัน ไม่มีปัญหาเรื่องการชนของข้อมูล >> ข้อจากัด การส่งข้อมูลจะช้ากว่าทุกระบบ เพราะต้องส่งผ่านที่ละเครื่อง จนถึงเครื่องที่ร้องขอข้อมูล
  33. 33. โครงสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (ต่อ) โครงสร้างเครือข่ายแบบเมซ (Mesh Topology) เป็นการเชื่อมต่อเครือข่ายที่สมบูรณ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องใน เครือข่ายเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมดด้วยสายสัญญาณ มีความเป็นอิสระในการส่งข้อมูล >> ข้อดี ในกรณีสายเคเบิ้ลบางสายชารุด เครือข่ายทั้งหมดยังสมารถใช้ได้ ทาให้ระบบมีเสถียรภาพสูง >> ข้อจากัด สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ใช้สาย เคเบิ้ลมากกว่าการต่อแบบอื่นๆ ยากต่อการ ติดตั้ง เดินสาย เคลื่อนย้ายปรับเปลี่ยน และการบารุงรักษาระบบเครือข่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น